7 วันขับรถเที่ยวแคลลิฟลอเนียตอนใต้ คนเดียวชิวๆ(ตอน 2/4)
เช้าวันนี้ที่ซานดิเอโก้ ตื่นแต่เช้่า อากาศวันนี้ มีเมฆเช้า เย็นฝน ทานอาหารเช้าที่โฮสเทล รีบตรงไปจุดหมายแรกของวันนี้กันเลย...Let's go!!!
วันที่สาม
Cabrillo National Monument แหลมโลม่า 13นาที (5.1ไมล์) จากที่พัก ในบันทึกที่เที่ยวที่ทำการบ้านมา ดันเขียนแค่เวลาปิด มาถึงหน้าทางเข้า ประตูยังปิดอยู่ เปิด 9โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น มีรถจอดรออยู่แล้วคันหนึ่ง รอซักพักก็มีนายทหารเรือมา พื้นที่ทหาร เก็บค่าเข้า $10 ต่อคัน เข้าไปมีอนุสาวรีย์
มุมจากบนเขาสวยๆ เห็นตึกไกลๆกับทะเล ประภาคารตั้งอยู่อีกไม่ไกล มีพิพิธภัณฑ์เล็กเล็ก แต่ให้ความรู้แบบเปิดโลกประภาคาร ได้อย่างประทับใจ รู้ว่าทำงานอย่างไร และคนที่ต้องอยู่ที่นั้น อยู่อย่างไร เล็กๆสั้นๆ วิวสวย มีนกฮัมมิ่งเบิร์ดเดินเป็นเพื่อน เช้าๆ อากาศกำลังสบาย ช่วงเมษาดอกไม้ป่าเหลืองเต็มเขา ตัดกับฟ้าสีแข้มสวยงาม ลงเขาไปเป็นจุดหมาย tide pools วันนี้น้ำสูงเดินไม่ได้ ถ้าน้ำลดเป็นหินโสโครกที่มีพืชและสัตว์น้ำให้เดินดู กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงแมวน้ำ ที่ว่ายน้ำอยู่แถวนั้น มี ถ้ำติดทะเล แต่เค้าปิดเป็นเขตสงวนแมวน้ำ เดินไม่ได้ ก็นั่งชมนก ชมทะเล ดูนักโต้คลื่นเพลินคะ ถ่ายรูปสวยด้วย จริงๆทางมาที่นี่ใกล้กับที่สงวนที่มีไม้ริมทะเลเก่าแก่ ชื่อ Torrey Pines State Reserve หาดูได้สองที่ในอเมริกา แต่มองแล้วคล้ายกระถินรงค์บ้านเราเลยไม่ได้แวะ กลับมาใหม่ค่อยมาดูแล้วกัน วันนี้โปรแกรมยาว
La Jolla 33นาที (17ไมล์) จากแหลมโลม่า หาดนี้อ่านว่า "ลา-ฮอญ-ญ่า" มีชายหาด ร้านรวง แกลลอลี่ตามลักษณะแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล แต่ที่ที่่อื่นไม่มีและต้องมาก็คือ Sunny Jim Cave แปลกตรง ในร้านขายของที่มีอุโมงค์ ขุดลงไป ทำบันได ลงไปในถ้ำติดทะเล ค่าเข้า $5 เปิด 10โมงเช้า ถึง 5โมงเย็น ข้างๆร้านยังมีทางเดินชมนก ชมทะเล ชิวจริงๆ
Carlsbad Ranch 32นาที (24ไมล์) จากลาฮอญญ่า แปลงดอกไม้ขนาดใหญ่ใกล้เมือง ค่าเข้าชม $15 พอเห็นทุ่งดอกไม้ปลูก เลยแวะเป็นทางผ่าน ดูๆแล้วออกเลย ถ้าใครชอบช๊อปปิ้ง มีเอ้าเลทท์อยู่ติดกัน บ่ายนี้มีดูดอกไม้ในทะเลทราย เห็นออกข่าวว่า Super Bloom เลยต้องแวะดู
การเดินทางออกทะเลทราย ต้องตั้งกฏกับตัวเองสักนิด
- เติมน้ำมันก่อนพระอาทิตย์ตก
- อย่าปล่อยให้น้ำมันพร่องเกินครึ่งถัง เติมเลย เพราะเราไม่รู้จะเจออะไร ไม่ชินพื้นที่
- ถ้ามีคำถามกับตัวเองว่า จะมีปัญหาไหม ถอยออกมา อย่าเอาตัวเองเข้าไป
- พกน้ำดื่ม ดื่มน้ำบ่อยๆ ทานผลไม้ เสริมไวตามิน
- คอยเช็คเส้นทาง ทุกครั้งที่มี Wif อ่านข้อมูลที่จดมา รู้ว่าเราจะไปไหน ดูอะไร
- อย่างน้อยต้องมี คนหนึ่งคนรู้ ว่าเราทำอะไร อยู่ที่ไหน
- แบตเตอรี่กล้อง ไฟฉาย โทรศัพท์ ต้องพร้อม
- เปิดใจ และมีความสุขกับสิ่งรอบตัว
คราวนี้ เราก็พร้อมกับการเดินทางไปใกล้กับ พระอาทิตย์และความแห้งแล้งของแคลลิฟลอเนียแล้ว ออกสู่ทะเลทราย หนีฝนกันดีกว่า
Anza Borrego Desert 1ชม 57นาที (81ไมล์) จากคาร์ลบัต ดอกไม้สะพรั่งในรอบยี่สิบปี ต้องมาดู ถือเป็นทะเลทรายใกล้ซานดิเอโก้ ถึงที่หมายที่ทำการนักท่องเที่ยวใกล้ปิด โชคยังเข้าข้างได้คุยกับเจ้าหน้าที่รู้ว่า เราพลาดช่วงดอกสะพรั่งไปแล้ว เนื่องด้วยธรรมชาติสร้างมา ธรรมชาติก็เอาไปด้วย คือช่วงอาทิตย์ก่อนหน้า ฝนตกและลมแรง ไม่ต้องตามหาให้เหนื่อย ถึงไม่มีไม่ใช่ว่าจะหมด มีดอกไม้ทะเลทรายอีกหลายชนิดที่ยังบานอยู่ เดินรอบๆที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวก็หรูแล้ว ได้ความรู้จากเจ้าหน้าที่ที่นี่ ต้นไม้ดอกไม้ขึ้นตามความสูงจากน้ำทะเลกับสภาพของดิน เอาล่ะ! คราวนี้ป้ายบอกความสูงจากน้ำทะเลก็จะเป็นป้ายข้อมูลให้เราด้วย อยู่สักพัก เข็คเส้นทางไปจุดเที่ยวอื่นไม่ทันแล้ว ต้องแบนเข็มเข้าที่พักแคมปิ้งของคืนนี้
Salton Sea State Recreation Area 1ชม 15นาที (64ไมล์) จากที่หาข้อมูลมาที่กางเต้นท์ที่นี่จะไม่ค่อยเต็ม ไปถึงก็จริง เอางี้ ที่นี่ หาดนี้ ตัวชายหาดมันเกิดจากเปลือกหอยและโครงกระดูกปลา เพราะน้ำที่มันเค็มเกินไป ทำให้ปลาและสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำอื่นที่อพยพมาจะมาตาย สุสานดีๆนี่เอง...เหมาะกับสถานที่แคมปิ้งคนเดียวครั้งแรกในชีวิต เหมาะประสบการณ์ ชอบ ที่นี่เรียกได้ว่าเป็น Ghost Town ของฝรั่ง ไม่ได้เขียนเป็นไทย เพราะฝรั่งค่ำนี้ไม่ใช่น่ากลัวเป็นเรื่องผีสาง แต่คือ เมืองที่มันตายแล้ว ไม่มีธุรกิจที่เคยมี เพราะที่นี่เคยเป็นที่พักผ่อนที่นิยมมาก่อน ตอนเริ่มมีการกักเก็บน้ำ จนมีเหตุว่า เกลือในทรายมันเยอะเกิน น้ำเลยเค็มเกิน จนปลาตาย ปลาที่อยู่ได้ คือ สายพันธุ์หนึ่งของปิรัญญ่าเท่านั้น...หงึ ไม่กล้าลงน้ำ..แหล่งท่องเที่ยวนี้เลยสลายตัวลง เรามาถึงนอกเวลาทำการ มีเสาเก็บค่าธรรมเนียม ค้างคืน $20 มี ห้องน้ำแต่ไม่มีห้องอาบน้ำ ไปถึงที่ก่อนค่ำพอดี มีเวลาเลือกที่หมาย จัดแจงเข้าห้องน้ำ อาบน้ำโดยการใช้ทิชชูเปียกเช็ดตัว คนน้อยจริงๆ เลยเลือกไปจอดรถนอนใกล้กับกรุ๊ปหนึ่งที่ก่อกองไฟอยู่ เรานอนในรถเพราะมาคนเดียว ไม่กล้านอนเต้นท์ รถเราใหญ่ พับเบาะนอนสบาย ล็อกรถ แง้มหน้าต่างนิด กลัวแมลง กำลังสบาย เริ่มค่ำ ไอ้กรุ๊ปใกล้เราขนของ ขับรถออกไป...อ้าว เวร อย่างนี้ก็นอน คนเดียวห่างจากคนอื่นเลย ไม่ทันจะย้ายแล้วคะ นอนที่นี่ไม่ว้าเหว่ คืนนั้น นอนฟังเสียงรถไฟทั้งคืน ทางรถไฟมันวิ่งเรียบ Salton Sea ฟังเพลินเลย กลางคืน หนาวมาก ผ้าห่มผืนเดียวไม่พอ ต้องรื้อสัมภาระจากกระเป๋ามากองสุ่มๆตัวกันหนาว แล้วก็เช้าคะ นอนแคมไซด์คนเดียว ผ่าน... อยากจะบอกว่า ชอบที่นี่ เงียบ แปลก สวย ให้มาอีก จะมาคะ สวยจริง
วันที่ สี
Salvation Mountain38 นาที (36ไมล์) จากแคมไซด์ จริงๆต้องมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่มาไม่ทัน เส้นทางสวยงาม เลียบ Salton Sea ทางกลับมีด่านตรวจคนเข้าเมือง เตรียมเอกสารให้พร้อม ถึง Salvation Mt ด้วยคอนเซ็ป ความรักคือพระเจ้า ความรักอยู่ทุกหนแห่ง เดินทางมาแต่เช้า ทางระยะสุดท้ายเป็นถนนลูกรัง สถานที่สดใส ดูอบอุ่นและต้อนร้บ เดินถ่ายภาพสักพัก ได้พบกับต้วศิลปินถือถังสีออกมา ทำงานศิลป์ของเค้า ก็งานที่เรามาดูนี่แหละ แต่ความซึ้งของงานมันอยู่ที่ เราไปได้ยินบทสนทนาของศิลปินกับนักท่องเที่ยวสูงอายุที่มาถึงตั้งแต่เมื่อวาน เป็นคำพูดทักทาย แล้วบอกชายสูงอายุว่า ถ้าคุณชอบที่นี่ ก็อยู่ได้เลย ตราบใดที่ผมยังอยู่ ทั้งแนะนำบ่อน้ำธรรมชาติและบ่อน้ำร้อนที่ไม่ไกลจากนี่ การบอกทางที่นี่ บอกเป็นระยะเสาไฟฟ้าแรงสูงและเส้นถนนลูกรัง เพราะนั้นคือแค่สองสิ่งที่เห็นได้ตามเส้นทางทะเลทรายแห่งนี้ งานของเค้า คล้ายบ้านดินของเรา มีส่วนโชว์เป็นต้วภูเขา ต่ำลงมาเป็นบ้านดิน มีโบสถ์ จากการสนทนา บางวัน ช่วงเย็นที่นี่จะมีดนตรีสดมาเล่นด้วย ดูจากอินสตราแกรม ที่นี่อยู่ในที่เที่ยวอินดี้ตำแหน่งต้นๆเลย แต่มันก็เป็นที่ที่ประทับใจจริงๆ
Joshua Tree National Park 1ชม 13นาที (64ไมล์) จากเซาเวชั่น เมาเทนท์ ระหว่างทางเจอเมือง ขอนั่งทานกาแฟ กักตุนอาหาร เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย อ่านมา แต่ละที่จากนี้ ห้องน้ำไม่มีน้ำคะ เป็นส้วมหลุมนะ ส่วนใหญ่... ฉะนั้น ภาระกิจใหญ่ จะครี่ จะคลาย เตรียมการดีๆ มีโอกาสปลด ก็ปล่อยซ่ะก่อนสบายๆ
การมาถึง Joshua Tree Nat'l Park ทริปนี้ เราจะเข้าจากประตูทางใต้ ขับขึ้นเหนือ ฉะนั้นจุดหมายแรกคือ Cotton Woods Spring Visitor Center ทางมาเห็นต้น ocotillo เค้าว่าไม้ทะเลทราย รูปร่างเหมือนปลาหมึก ช่วงใบไม้ผลิจะให้ดอกสีแดงเลือดนก ระหว่างทางเห็นประปราย กับทุ่งดอกไม้ จอดถ่ายรูปได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะก่อนถึงที่ทำการท่องเที่ยวระยะสามไมล์ เป็นที่ดูดอกหญ้าป่า กระบองเพรชก็มีด้วย ถึงที่หมาย ค่าเข้า $25 ต่อคันจริงๆเข้าได้เจ็ดวัน แต่มาวันเดียวก็เสียเท่ากัน จุดแวะต่อไปคือ สวนกระบองเพรช กำลังออกดอก สวย แต่อันตราย ควรใส่รองเท้าหุ้ม เพราะหนามแหลมมาก ไอ้เราเดินไม่ดี วิ่งถ่ายภาพไปเฉี่ยวเข้า ติดสะโพกมาสิบหนามได้ ปล่อยหนามยังกับนินจา โหด...คะ หนามยาว ตอนดึงออกนึกว่าถูกหมอฝังเข็มลืม มือสั่นดิ๊กเลย ตอนดึงออก เจ็บ!! แต่ก็นะ จะหาใครดึงให้ สักพักได้ยินกรุ๊ปใกล้ๆโวยวาย โดนที่เท้า คิดว่าไอ้คนโดนคงขำไม่ออก ส่วนสุดท้ายตั้งใจไปดู Joshua Tree เต็มๆ ที่ Hidden Valley ได้เห็นซ่ะที เจ้าต้นหุ่นเชิด คือ เป็นเรื่องเล่าว่า เจ้าต้นไม้นี้มันมีลักษณะเหมือนหุ่นคนในทะเลทราย ไปตอนนี้ ออกดอกพอดี เป็นช่อพุ่มสีขาวนวล โชคดีเลยเรา ตามประสาคนชอบดอกไม้ แต่ ลมอย่างแรง แทบปลิว ต้องคว้าเจ็คเก็ตมาใส่ และนี่คือที่สุดท้ายที่แวะในสวนแห่งนี้ เย็นนี้เราจะขับรถไปนอนทีไหนติดตามตอนต่อไปคะ ทริปนี้ยิ่งไกล ยิ่งตื่นเต้นที่ได้มา ตอนต่อไป เทือกเขาทะเลทรายคะ